🌞 แบบฝึกหัด 🌞
บทที่ 1
1.
ท่านคิดว่าทำไมมนุษย์เราต้องมีกฎหมายหากไม่มีจะเป็นอย่างไร?
💙 มนุษย์ต้องพึ่งพาอาศัพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันของมนุษย์อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งการทะเลาะวิวาทกัน
ดังนั้นจึงทำให้ต้องมีการสร้างกฎเกณฑ์ ระเบียบแบบแผนขึ้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ศีลธรรม จารีตประเพณี ศาสนาและกฎหมายเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์
ดังนั้นจึงทำให้ต้องมีการสร้างกฎเกณฑ์ ระเบียบแบบแผนขึ้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ศีลธรรม จารีตประเพณี ศาสนาและกฎหมายเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์
2. ท่านคิดว่าสังคมปัจจุบันจะอยู่ได้หรือไม่หากไม่มีกฎหมายและจะเป็นอย่างไร?
💙 สังคมปัจจุบันจะอยู่ไม่ได้หากไม่มีกฎหมาย
เพราะกฎหมายสร้างขึ้นเพื่อควบคุมพฤติกรรมและความขัดแย้งของมนุษย์
รักษาความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์
ถ้าหากไม่มีกฎหมายมาเป็นบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกันของมนุษย์
ก่อให้เกิดเหตุที่ทำให้ไม่พึงพอกันได้ จนทำให้เกิดความขัดแย้งกันในที่สุด
จนทำให้ไม่อาจดำรงอยู่ได้ในสังคมอย่างมีความสุข
3. ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายในประเด็นต่อไปนี้
💚ก. ความหมาย
⛳กฎหมาย คือ
คำสั่งหรือข้อบังคับที่เกิดจากรัฏฐาธิปไตย์ จากคณะบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดของรัฐ
เป็นข้อบังคับใช้กับคนทุกคนที่อยู่ในรัฐหรือประเทศนั้น ๆ จะต้องปฏิบัติตามและมีสภาพบังคับที่มีการกำหนดบทลงโทษ
💚ข. ลักษณะหรือองค์ประกอบของกฎหมาย
⛳กฎหมายมีลักษณะหรือองค์ประกอบอยู่
4 ประการ คือ
1.
เป็นคำสั่งหรือข้อบังคับที่เกิดจากรัฏฐาธิปไตย์ที่องค์กรหรือคณะบุคคลที่มีอำนาจสูงสุด
2.
มีลักษณะเป็นคำสั่งข้อบังคับ ไม่ใช่คำวิงวอน ประกาศ หรือแถลงการณ์
3.
ใช้บังคับกับทุกคนในรัฐอย่างเสมอภาค เพื่อให้ทุกคนเกรงกลัวและถือปฏิบัติ
ให้สังคมสงบสุข
4.มีสภาพบังคับ
ซึ่งบุคคลจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะการกระทำและ
การงดเว้นการกระทำตามกฎหมายนั้น
ๆ กำหนด หากฝ่าฝืนอาจถูกลงโทษหรือไม่ก็ได้
💚ค. ที่มาของกฎหมาย
⛳1. บทบัญญัติแห่งกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด
เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษร
ซึ่งผู้มีอำนาจแห่งรัฐหรือผู้ปกครองประเทศเป็นผู้ออกกฎหมาย
2.
จารีตประเพณี เป็นแบบอย่างที่ประชาชนนิยมปฏิบัติตามกันมานาน
หากนำไปบัญญัติเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรแล้ว ย่อมมีสภาพไปเป็นกฎหมาย
3.
ศาสนา เป็นข้อห้ามหรือข้อปฏิบัติที่ดีของทุก ๆ ศาสนาสอนให้เป็นคนดี
4. คำพิพากษาของศาลหรือหลักบรรทัดฐานของคำพิพากษาในชั้นสูงเป็นแนวทางที่ศาลชั้นต้นต้องนำไปถือปฏิบัติในการตัดสินคดี
5.
ความเห็นของนักนิติศาสตร์
เป็นการแสดงความคิดเห็นว่าควรที่จะออกกฎหมายอย่างนั้นหรือไม่
💚ง. ประเภทของกฎหมาย
⛳ ก. กฎหมายภายใน มีดังนี้
1. กฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
2. กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางอาญา และกฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง
3. กฎหมายสารบัญญัติ และกฎหมายวิธีสบัญญัติ
1. กฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
2. กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางอาญา และกฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง
3. กฎหมายสารบัญญัติ และกฎหมายวิธีสบัญญัติ
4. กฎหมายมหาชน และกฎหมายเอกชน
ข.
กฎหมายภายนอก มีดังนี้
1. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง
2. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
2. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
3. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา
4. ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรว่าทำไมทุกประเทศจำเป็นต้องมีกฎหมาย? จงอธิบาย
💙 มนุษย์มีการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ซึ่งการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ย่อมมีความขัดแย้ง จึงทำให้มนุษย์สร้าง กฎเกณฑ์ ระเบียบแบบแผนขึ้น เป็นแนวทางหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นแบบแผนเพื่อควบคุมควบความประพฤติสมาชิกในสังคมรวมทั้งเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม บรรทัดฐานที่สำคัญทางสังคมคือ กฎหมาย เพื่อควบคุมพฤติกรรมและความขัดแย้งของมนุษย์
💙 มนุษย์มีการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ซึ่งการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ย่อมมีความขัดแย้ง จึงทำให้มนุษย์สร้าง กฎเกณฑ์ ระเบียบแบบแผนขึ้น เป็นแนวทางหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นแบบแผนเพื่อควบคุมควบความประพฤติสมาชิกในสังคมรวมทั้งเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม บรรทัดฐานที่สำคัญทางสังคมคือ กฎหมาย เพื่อควบคุมพฤติกรรมและความขัดแย้งของมนุษย์
5. สภาพบังคับในทางกฎหมายท่านมีความเข้าใจอย่างไร? จงอธิบาย
💙 กฎหมายต้องมีสภาพบังคับ กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่กำหนดความประพฤติของมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์จำต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ จึงจำเป็นต้องมีสภาพบังคับในกรณีที่มีการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์กฎหมายใดไม่มีสภาพบังคับ ไม่เรียกว่าเป็นกฎหมาย
สภาพบังคับของกฎหมายคือโทษต่างๆในกฎหมาย ถ้าเป็นสภาพบังคับอาญา ได้แก่ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน ส่วนสภาพบังคับของกฎหมายแพ่งได้แก่การกำหนดให้การกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายนั้นตกเป็นโมฆะหรือโมฆียะ
💙 กฎหมายต้องมีสภาพบังคับ กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่กำหนดความประพฤติของมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์จำต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ จึงจำเป็นต้องมีสภาพบังคับในกรณีที่มีการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์กฎหมายใดไม่มีสภาพบังคับ ไม่เรียกว่าเป็นกฎหมาย
สภาพบังคับของกฎหมายคือโทษต่างๆในกฎหมาย ถ้าเป็นสภาพบังคับอาญา ได้แก่ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน ส่วนสภาพบังคับของกฎหมายแพ่งได้แก่การกำหนดให้การกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายนั้นตกเป็นโมฆะหรือโมฆียะ
6.สภาพบังคับกฎหมายในอาญาและแพ่ง
มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
💙 สภาพบังคับกฎหมายในทางอาญา คือการลงโทษบุคคลที่กระทำความผิดทางอาญา ซึ่งมีลักษณะสำคัญสำหรับลงโทษผู้กระทำผิด โดยเรียงจากโทษที่หนักสุดไปยังโทษที่เบาสุด คือ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ และริบทรัพย์สิน ส่วนสภาพบังคับกฎหมายในทางแพ่ง ได้มีบทบัญญัติไว้ 4 ประการ ได้แก่ โมฆะกรรม โมฆียกรรม การบังคับชำระหนี้ และการชดใช้ค่าเสียหาย
💙 สภาพบังคับกฎหมายในทางอาญา คือการลงโทษบุคคลที่กระทำความผิดทางอาญา ซึ่งมีลักษณะสำคัญสำหรับลงโทษผู้กระทำผิด โดยเรียงจากโทษที่หนักสุดไปยังโทษที่เบาสุด คือ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ และริบทรัพย์สิน ส่วนสภาพบังคับกฎหมายในทางแพ่ง ได้มีบทบัญญัติไว้ 4 ประการ ได้แก่ โมฆะกรรม โมฆียกรรม การบังคับชำระหนี้ และการชดใช้ค่าเสียหาย
7.ระบบกฎหมายเป็นอย่างไร? จงอธิบาย
💙 ระบบของกฎหมายแบ่งเป็น 2 ระบบ คือ
💙 ระบบของกฎหมายแบ่งเป็น 2 ระบบ คือ
1.ระบบซีวิลลอร์ หรือระบบลายลักษณ์อักษร
ถือกำหนดขึ้นในทวีปยุโรปราวคริสต์ศตวรรษที่ 12ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือ
เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่มีความสำคัญมาก คำพิพากษาของศาลไม่ใช่ที่มาของกฎหมาย แต่เป็นบรรทัดฐานแบบอย่างของการตีความกฎหมายเท่านั้น
เริ่มต้นจากตัวบทกฎหมายเป็นสำคัญ
2. ระบบคอมมอนลอร์ มีวิวัฒนาการขึ้นในประเทศอังกฤษ มีรากเหง้ามาจากศักดินา
ซึ่ง "เอคควิตี้" เป็นกระบวนการเข้าไปเสริมแต่งให้คอมมอนลอร์
เป็นการพฒนาจากกฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร นำเอาจารีตประเพณีและคำพิพากษา
ซึ่งเป็นบรรทัดฐานของศาลสมัยเก่ามาใช้ จนกระทั่งเป็นระบบกฎหมายที่มีความสมบูรณ์
8. ประเภทของกฎหมายมีหลักการแบ่งอย่างไรบ้าง
มีกี่ประเภท แต่ละประเภทประกอบด้วยอะไรบ้าง?
💙 ประเภทของกฎหมายมีหลักการแบ่ง ดังนี้
แบ่งโดยแหล่งกำเนิด แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ กฎหมายภายในและกฎหมายภายนอกและกฎหมายภายใน
💢 กฎหมายภายใน มีหลักในการแบ่งย่อยออกไปได้อีก เช่น แบ่งโดยถือเนื้อหาเป็นหลัก เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรและกฎหมายที่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษร แบ่งโดยถือสภาพบังคับกฎหมายเป็นหลัก เป็นกฎหมายอาญา และกฎหมายแพ่ง แบ่งโดยถือลักษณะเป็นหลัก แบ่งได้เป็นกฎหมายสารบัญญัติ และกฎหมายวิธีบัญญัติ แบ่งโดยถือฐานะและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนเป็นเกณฑ์ แบ่งได้เป็นกฎหมายมหาชน และกฎหมายเอกชน
💢 กฎหมายภายนอก เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ แบ่งตามลักษณะของฐานะความสัมพันธ์
ประเภทของกฎหมายที่ใช้ในประเทศไทยมี 2 ประเภท ดังนี้
ก. กฎหมายภายใน มีดังนี้
💙 ประเภทของกฎหมายมีหลักการแบ่ง ดังนี้
แบ่งโดยแหล่งกำเนิด แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ กฎหมายภายในและกฎหมายภายนอกและกฎหมายภายใน
💢 กฎหมายภายใน มีหลักในการแบ่งย่อยออกไปได้อีก เช่น แบ่งโดยถือเนื้อหาเป็นหลัก เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรและกฎหมายที่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษร แบ่งโดยถือสภาพบังคับกฎหมายเป็นหลัก เป็นกฎหมายอาญา และกฎหมายแพ่ง แบ่งโดยถือลักษณะเป็นหลัก แบ่งได้เป็นกฎหมายสารบัญญัติ และกฎหมายวิธีบัญญัติ แบ่งโดยถือฐานะและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนเป็นเกณฑ์ แบ่งได้เป็นกฎหมายมหาชน และกฎหมายเอกชน
💢 กฎหมายภายนอก เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ แบ่งตามลักษณะของฐานะความสัมพันธ์
ประเภทของกฎหมายที่ใช้ในประเทศไทยมี 2 ประเภท ดังนี้
ก. กฎหมายภายใน มีดังนี้
1.
กฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
2.
กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางอาญา และกฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง
3.
กฎหมายสารบัญญัติ และกฎหมายวิธีบัญญัติ
4. กฎหมายมหาชน และกฎหมายเอกชน
ข. กฎหมายภายนอก มีดังนี้
1. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง
2. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
3. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา
9. ท่านเข้าใจถึงคำว่าศักดิ์ของกฎหมายคืออะไร
มีการแบ่งอย่างไร?
💙 ศักดิ์ของกฎหมาย
คือ เป็นการจัดลำดับแห่งค่าบังคับของกฎหมายหรืออาจกล่าวได้ว่าอาศัยอำนาจขององค์กรที่ใช้อำนาจจากองค์กรที่แตกต่างกัน โดยมีการจัดลำดับความสำคัญตามศักดิ์ของกฎหมาย
การจัดลำดับความสำคัญตามศักดิ์ของกฎหมาย
1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นกฎหมายหลักที่ให้หลักประกันแก่ประชาชน หากมีกฎหมายใดออกมาขัดแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญมิได้ กฎหมายฉบับนั้นย่อมไม่มีผลใช้บังคับ
2. พระราชบัญญัติและประมวลกฎหมาย เป็นกฎหมายที่ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติโดยความเห็นชอบของรัฐสภา ที่เป็นตัวแทนของประชาชน และพระมหากษัตริย์ได้ลงพระปรมาภิไธยใช้บังคับเป็นกฎหมาย
3. พระราชกำหนด เป็นกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ และทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรีเฉพาะในกรณีที่มีเหตุผลพิเศษ
4. ประกาศพระบรมราชโองการให้ใช้บังคับ
5. พระราชกฤษฎีกา เป็นกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นโดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรีหรือเป็นกฎหมายอื่นที่ฝ่ายบริหารได้ออกโดยอาศัยอำนาจแห่งกฎหมาย
6. กฎกระทรวง เป็นกฎหมายที่รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนดเป็นผู้ออก เพื่อให้การดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายหลักในเรื่องนั้น
7. ข้อบัญญัติจังหวัด เป็นกฎหมายที่ออกตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้อำนาจองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นที่มีอานาจปกครองดูแล
8. เทศบัญญัติ เป็นกฎหมายที่ออกตามพระราชบัญญัติเทศบาล การแบ่งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเป็น3 ระดับคือ เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร ซึ่งอาศัยความหนาแน่นของประชากร
1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นกฎหมายหลักที่ให้หลักประกันแก่ประชาชน หากมีกฎหมายใดออกมาขัดแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญมิได้ กฎหมายฉบับนั้นย่อมไม่มีผลใช้บังคับ
2. พระราชบัญญัติและประมวลกฎหมาย เป็นกฎหมายที่ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติโดยความเห็นชอบของรัฐสภา ที่เป็นตัวแทนของประชาชน และพระมหากษัตริย์ได้ลงพระปรมาภิไธยใช้บังคับเป็นกฎหมาย
3. พระราชกำหนด เป็นกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ และทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรีเฉพาะในกรณีที่มีเหตุผลพิเศษ
4. ประกาศพระบรมราชโองการให้ใช้บังคับ
5. พระราชกฤษฎีกา เป็นกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นโดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรีหรือเป็นกฎหมายอื่นที่ฝ่ายบริหารได้ออกโดยอาศัยอำนาจแห่งกฎหมาย
6. กฎกระทรวง เป็นกฎหมายที่รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนดเป็นผู้ออก เพื่อให้การดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายหลักในเรื่องนั้น
7. ข้อบัญญัติจังหวัด เป็นกฎหมายที่ออกตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้อำนาจองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นที่มีอานาจปกครองดูแล
8. เทศบัญญัติ เป็นกฎหมายที่ออกตามพระราชบัญญัติเทศบาล การแบ่งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเป็น3 ระดับคือ เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร ซึ่งอาศัยความหนาแน่นของประชากร
10. เหตุการณ์ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555มีเหตุการณ์ชุมนุมของประชาชน ณ
ลานพระบรมรูปทรงม้า และประชาชนได้ประกาศว่าจะมีการประชุมอย่างสงบ แต่ปรากฏว่า
รัฐบาลประกาศเป็นเขตพื้นที่ห้ามชุมนุม และขัดขวางไม่ให้ประชาชนชุมนุมอย่างสงบ
ลงมือทำร้ายร่างกายประชาชน ในฐานะท่านเรียนวิชานี้ท่านจะอธิบายเหตุผลว่ารัฐบาลกระทำผิดหรือถูก?
💙 กระทำผิด เพราะรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ทำร้ายร่างกายประชาชน!!
11.ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
คำว่ากฎหมายการศึกษาอย่างไร? จงอธิบาย
💙 กฎหมายการศึกษา คือ บทบัญญัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้มีกฎหมายการศึกษาขึ้น ที่จะเชื่อมโยงกับกฎหมายรัฐธรรมนูญว่าด้วยการศึกษาคือ จะเป็นกฎหรือคำสั่งหรือข้อบังคับของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่สถาบันหรือหน่วยงานผู้มีอำนาจได้ตราขึ้นบังคับกฎหมาย เพื่อให้บุคคลประพฤติปฏิบัติตาม ไปสู่การพัฒนาคนและสังคมสู่ความเจริญงอกงาม ธำรงไว้ซึ่งอิสรภาพ เสรีภาพของบุคคลและประเทศชาติ
💙 กฎหมายการศึกษา คือ บทบัญญัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้มีกฎหมายการศึกษาขึ้น ที่จะเชื่อมโยงกับกฎหมายรัฐธรรมนูญว่าด้วยการศึกษาคือ จะเป็นกฎหรือคำสั่งหรือข้อบังคับของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่สถาบันหรือหน่วยงานผู้มีอำนาจได้ตราขึ้นบังคับกฎหมาย เพื่อให้บุคคลประพฤติปฏิบัติตาม ไปสู่การพัฒนาคนและสังคมสู่ความเจริญงอกงาม ธำรงไว้ซึ่งอิสรภาพ เสรีภาพของบุคคลและประเทศชาติ
12. ในฐานะที่นักศึกษาจะต้องเรียนวิชานี้
ถ้าเราไม่ศึกษากฎหมายการศึกษาท่านคิดว่า เมื่อท่านไปประกอบอาชีพครู จะมีผลกระทบต่อท่านอย่างไรบ้าง?
💙 การเป็นครูนั้น จำเป็นมากที่ต้องรู้เกี่ยวกับกฎหมายการศึกษา เพราะกฎหมายคือกฎเกณฑ์ที่บังคับใช้ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาต่างๆขึ้นในสังคม คนเป็นครูจะต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกฎหมายของการศึกษา จัดการศึกษาอบรมนักเรียนให้เกิดความรู้คู่คุณธรรม สร้างเสริมความรู้และปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องให้แก่นักเรียน สร้างความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน หากครูไม่ศึกษากฎหมายการศึกษา ก็ยากที่จะพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรมได้
💙 การเป็นครูนั้น จำเป็นมากที่ต้องรู้เกี่ยวกับกฎหมายการศึกษา เพราะกฎหมายคือกฎเกณฑ์ที่บังคับใช้ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาต่างๆขึ้นในสังคม คนเป็นครูจะต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกฎหมายของการศึกษา จัดการศึกษาอบรมนักเรียนให้เกิดความรู้คู่คุณธรรม สร้างเสริมความรู้และปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องให้แก่นักเรียน สร้างความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน หากครูไม่ศึกษากฎหมายการศึกษา ก็ยากที่จะพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรมได้
🆃 🅷 🅰 🅽 🅺 🆈 🅾 🆄